เป็นวิถีทางการแสวงหาความรู้ ด้วยตนเอง ๒. ) ผู้เรียนเป็นผู้เริ่มต้นกระบวนการเรียนรู้นั้นด้วยตนเอง ๓. ) ผู้เรียนสามารถควบคุมการเรียนการสอนนั้นได้โดยที่ครู เป็นผู้ดูแลอยู่ห่างๆ ๔. ) เป็นการสร้างลักษณะนิสัยให้ผู้เรียนมีความใฝ่รู้ซึ่งตรงกับ พ. ร. บ.
ฝึกไว้เลย!! 10 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ที่คนทำงานรุ่นใหม่ต้องรู้ และควรระบุไว้ใน CV | WeGoInter.com - เรียนต่อต่างประเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) ช่วยทำให้เด็ก ๆ สามารถรวบรวมข้อมูล จัดการข้อมูล นำข้อมูลมาประมวลผล และทำการตัดสินใจจากพื้นฐานของข้อมูลได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ
3.
1 คน ได้แก่ ครู และวิทยากรอื่น ซึ่งอยู่นอกโรงเรียน เช่น เกษตรกร ตำรวจ บุรุษไปรษณีย์ เป็นต้น
1. 2 วัสดุและเครื่องมือ ได้แก่ โสตทัศนวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ วิทยุ โทรทัศน์ เครื่องวิดีโอเทป ของจริงของจำลองสิ่งพิมพ์ รวมไปถึงการใช้สื่อมวลชนต่างๆ
1. 3 เทคนิค – วิธีการ แต่เดิมนั้นการเรียนการสอนส่วนมาก ใช้วิธีให้ครูเป็นคนบอกเนื้อหา แก่ผู้เรียนปัจจุบันนั้น เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองได้มากที่สุด ครูเป็นเพียง ผู้วางแผนแนะแนวทางเท่านั้น
1. 4 สถานที่ อันได้แก่ โรงเรียน ห้องปฏิบัติการทดลอง โรงฝึกงาน ไร่นา ฟาร์ม ที่ทำการรัฐบาล ภูเขา แม่น้ำ ทะเล หรือสถานที่ใด ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้เรียนได้
2. การเน้นการเรียนรู้แบบเอกัตบุคคล ถึงแม้นักเรียนจะล้นชั้น และกระจัดกระจาย ยากแก่การจัดการศึกษาตามความแตกต่างระหว่างบุคคลได้ นักการศึกษาและนักจิตวิทยาได้พยายามคิด หาวิธีนำเอาระบบการเรียนแบบตัวต่อตัวมาใช้ แต่แทนที่จะใช้ครูสอนนักเรียนทีละคน เขาก็คิด ' แบบเรียนโปรแกรม ' ซึ่งทำหน้าที่สอน ซึ่งเหมือนกับครูมาสอน นักเรียนจะเรียนด้วยตนเอง จากแบบเรียนด้วยตนเองในรูปแบบเรียนเป็นเล่ม หรือเครื่องสอนหรือสื่อประสมหลายๆ อย่าง จะเรียนช้าหรือเร็วก็ทำได้ตามความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน
3.
ทักษะและเทคนิคการจัดการเรียนรู้ « SIRIKATE
- Vit c it' s skin ราคา reviews
- Fate grand order ภาค 2 3
- โครงการพัฒนาทักษะการใช้ ICT. เพื่อการเรียนรู้ของนักเรียน - คุณครูศิวิไล มงคล
- การเขียนโปรแกรมกับการพัฒนาทักษะด้านการคิด | สาขาคอมพิวเตอร์ - สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
- ฝึกไว้เลย!! 10 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ที่คนทำงานรุ่นใหม่ต้องรู้ และควรระบุไว้ใน CV | WeGoInter.com - เรียนต่อต่างประเทศ
- บทที่2 แนวความคิดการตลาดและประโยชน์ของการขาย - chamnam2554
- พระพิฆเนศหลวงพ่อเปิ่น เช็คราคาล่าสุด ราคาถูก ราคาปัจจุบัน
- สยาม ค้าเจริญ | อาจารย์ | มหาวิทยาลัยมหิดล | Forest
- หนัง พลิก โลก ล่าสุด นรก
- ทักษะคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร | Thai MOOC:LMS
- มาตรฐานด้านทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy)
- รักษาถุงใต้ตา แบบไหนถึงจะได้ผลครับ - Pantip
คำถามขั้นสูง เป็นคำถามในระดับที่สูงกว่าการนำไปใช้ ได้แก่ การถามเพื่อให้วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า รวมทั้งคิดอย่างสร้างสรรค์ โดยมุ่งให้ผู้เรียนคิดแบบนามธรรม โดยอาศัยข้อเท็จจริงหรือคำอธิบาย แล้วนำไปสรุปหาความสัมพันธ์ ความหมาย เปรียบเทียบ อ้างอิง และเหตุผล เพื่อหาคำตอบถูก ปกติคำถามประเภทนี้จะมีคำ "ทำไม" ประกอบอยู่ด้วยเสมอ ผู้สอนมักมักนิยมใช้ถามเพื่อดูความสามารถด้านการคิดของผู้เรียนลักษณะของคำถามประเภทนี้คือ
2. 1 คำถามเพื่อให้ประเมิน เป็นคำถามที่ต้องการให้ตัดสินใจ หรือเลือกโดยใช้คุณค่าเป็นเกณฑ์ เช่นถามว่า "การลอกงานเพื่อนเป็นสิ่งที่ควรกระทำหรือไม่เพราะเหตุใด"
2. 2 คำถามเพื่อให้อ้างอิง เป็นการถามให้อุปมาน (inductive) คือถามให้สรุปหรือค้นพบกฎเกณฑ์จากการรวบรวมข้อมูลหรือข้อเท็จจริงหลาย ๆ อย่าง และให้อนุมาน (deductive) คือถามให้นำกฎเกณฑ์หรือทฤษฎีไปอธิบายเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ เช่นถามว่า
"ถ้าอุณหภูมิของก๊าซเท่าเดิม เมื่อนำก๊าซนี้ไปไว้สูง 4, 000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล ความดันของก๊าซจะเป็นอย่างไร เพราะเหตุใด" (อนุมาน)
"จงบอกคุณสมบัติที่สำคัญที่ผู้นำในโลกทั่ว ๆ ไปมีอยู่ พร้อมทั้งบอกถึงลักษณะของผู้นำที่ท่านอยากเป็น เพราะเหตุใดจึงคิดเช่นนั้น" (อุปมาน)
2.
Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมี วิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา) 2. ) Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม) 3. ) Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์) 4. ) Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการ ทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ) 5. ) Communications, Information, and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อ สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ) 6. ) Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร) 7. )
ทักษะคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร | Thai MOOC Directory
เสนอว่าการตั้งคำถามมี 4 ระดับ เรียกว่า O-E-P-C ซึ่งเหมือนกับระดับขั้นของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ดังนี้
1. คำถามขั้นการสังเกต (Observation Question) เป็นคำถามที่ให้ผู้ตอบใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการรับรู้และตอบปัญหา หรือเป็นการรวบรวมข้อมูล เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและแก้ปัญหาในขั้นต่อไป เช่น เมื่อเทน้ำใส่กระป๋องใบหนึ่งจนเต็มแล้วเปิดจุกที่ปิดรูบนกระป๋องในระดับต่าง ๆ ทำให้น้ำพุ่งออกมา ครูถามว่า "น้ำจากรูที่เท่าไรไหลแรงหรือไกลที่สุด"
2. คำถามขั้นการอธิบาย (Explanation Question) หมายถึงคำถามที่ต้องการให้ผู้ตอบใช้เหตุผลประกอบกับข้อมูลต่าง ๆ ที่รวบรวมได้จากการสังเกตในสถานการณ์ปัจจุบันและจากความรู้เดิม เช่น จากตัวอย่างการทดลองในข้อ 1. ผู้สอนอาจถามให้ผู้เรียนตอบว่า "ทำไมน้ำในรูล่างสุดจึงไหลออกไปไกลที่สุด"
3. คำถามขั้นการตั้งสมมติฐานหรือขั้นการทำนาย (Prediction Question) เป็นคำถามที่ต้องการให้ผู้ตอบคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง หรือคาดการณ์เพื่อขยายข้อสรุปในขั้นอธิบายให้กว้างขวางออกไป จากตัวอย่างการทดลองในข้อ 1. ครูอาจถามนักเรียนในขั้นนี้ได้ว่า "ถ้าเจาะรูที่ก้นกระป๋อง น้ำที่ไหลออกจากรูที่เจาะใหม่จะไหลค่อยหรือแรงกว่าน้ำที่ไหลออกจากรูเดิม"
4.